เมื่อคืนได้ไปดู Always ภาค 2 แล้วรู้สึกยังเยี่ยมเหมือนเดิม เปิดฉากด้วยก็อซซิลล่าเลยตกใจนิดหน่อย ดูจบก็ตื้นตัน อบอุ่น น้ำตาซึมเหมือนภาคที่แล้ว
ได้ข่าวว่าคนแสดงเป็นนักเขียนไส้แห้งได้รางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมของ Japanese Academy ซึ่งคล้ายๆ OSCAR ของญี่ปุ่นด้วย
สิ่งที่รู้สึกกับหนังเรื่องนี้ก็คือภาพของอดีตที่ผมยังคงจำได้รางๆ
ครอบครัวที่อบอุ่น ช่วยเหลือกัน ไม่ไฮโซ รักกันเต็มที
เพื่อนบ้านที่รู้จักกันหมด ช่วยเหลือกัน สอดรู้สอดเห็นในทางที่ดี รักใคร่ปรองดองกันดี เป็นกำลังใจให้กันและกัน
สรุปว่าทุกๆคน care กันมาก
ความพอมีพอกินไม่ร่ำรวย จะซื้ออะไรก็ซื้อร้านแถวๆบ้าน ขายของชำ
หนังเรื่องนี้คำหลักๆที่ผมจำได้คือ “มันมีบางสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าเงิน” และหนังทั้งเรื่องก็เหมือนพยายามจะพิสูจน์เรื่องนี้
สังคมไทยเองก็กำลังจะผ่านโลกแห่งเมืองเล็กๆที่มีเพื่อนบ้านรู้จักกันหมด ครอบครัวใกล้ชิดกัน ไปสู่โลกแห่งเมืองใหญ่ที่ตรงข้ามกันแทบทุกอย่าง
ถ้าสุดท้ายสิ่งที่เราต้องการคือความเป็นห่วงเป็นใยใส่ใจของคนรอบตัว… อนาคตอาจจะลดโอกาสสิ่งเหล่านี้ลงเรื่อยๆ
Blogged with the Flock Browser
โชคดีที่เป็นคนต่างจังหวัด เกิดทันยุคสมัยที่คนในชุมชนรู้จักมักคุ้นกันไปทั่ว
ตั้งแต่หัวเมืองยันท้ายตลาด ดูหนังเรื่อง Always แล้วอยากย้อนเวลากลับไป คิดถึงเพื่อนบ้านที่เคยเล่นตี่จับ ตั้งเต และชักคะเย่อกันในสวนหลังบ้าน คิดถึงคนข้างบ้านที่เอาไข่ไก่สดๆ ยังอุ่นๆ มาแลกกับเศษผ้าเหลือใช้ในบ้าน คิดถึงยายหลังบ้านที่ทำขนมทองม้วน อบควันเทียนหอมหวาน ที่ชอบเอาขนมมาให้เพราะไปช่วยยายตักน้ำจากบ่อเข้าบ้าน
ทุกๆ ปีจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ที่เจริญขึ้นด้วยวัตถุ และผู้คนที่แปลกหน้า ไม่หลงเหลือบรรยากาศเก่าๆ ที่โหยหา ผู้สร้างและผู้กำกับภาพยนตร์รุ่นใหม่ในเมืองไทย น่าจะสร้าง Always ภาคไทยบ้างเนาะ